15.09.2560 “เบื้องหลังดาบปลายปืนและลวดหนาม: ความลับหน่วย 731 ของกองทัพญี่ปุ่น” โดย ฟูยูโกะ นิชิซาโตะ (Fuyuko Nishisato)
ขอบคุณ ภาพและข้อมูล จาก
เผยหลักฐานใหม่ "หน่วย 731" อดีตน่าสะพรึงที่ญี่ปุ่นไม่ต้องการพูดถึง
ฟูยูโกะ นิชิซาโตะ (Fuyuko Nishisato) นักเขียนชาวญี่ปุ่นออกหนังสือชื่อว่า “เบื้องหลังดาบปลายปืนและลวดหนาม: ความลับหน่วย 731 ของกองทัพญี่ปุ่น” ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นใหม่เกี่ยวกับโครงการที่หน่วย 731 (Unit 731) ของกองทัพญี่ปุ่นทดลองอาวุธเชื้อโรคกับเชลยศึกต่างชาติในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
หน่วย 731 เป็นฐานลับของญี่ปุ่นที่วิจัยอาวุธสงครามชีวภาพและอาวุธเคมี ก่อตั้งเมื่อปี 1935 ที่เมืองฮาร์บิน
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 มีทหารอย่างน้อย 200,000 นายของกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรโดนกองทัพญี่ปุ่นจับตัวเป็นเชลย
เอกสารจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐอเมริกาชี้ว่า เดือนมกราคม 1945 เชลยศึกจำนวน 2,019 รายจากกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรถูกกักตัวอยู่ในค่ายกักกันเมืองเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน เชลยเหล่านี้เป็นทหารของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย ฮอลแลนด์ และฝรั่งเศส
นิชิซาโตะซึ่งเคยเป็นนักข่าวมาก่อนบอกกับสำนักข่าวซินหัวว่า เธอไปจีนมามากกว่า 30 ครั้งนับตั้งแต่ปี 1997 เพื่อรวบรวมหลักฐาน เธอยังได้สัมภาษณ์อดีตสมาชิกหน่วย 731, แพทย์ที่เคยร่วมมือในการทดลอง, นักวิทยาศาสตร์ และทหารผ่านศึกชาวต่างชาติที่คาดว่าเป็นผู้รอดชีวิตจากการทดลองอาวุธชีวภาพ
ชิมาดะ ซึเนซึกิ อดีตสมาชิกหน่วย 731 เผยข้อมูลว่า ในการทดสอบเชื้อโรคของโรคบิด แพทย์จะนำเชื้อโรคมายังค่ายกักกันที่เสิ่นหยาง ใส่เชื้อโรคลงในน้ำดื่มและป้อนให้เชลยศึก หลังจากนั้นแพทย์จะชำแหละศพเพื่อบันทึกอาการของโรค
นอกจากนี้ นิชิซาโตะยังได้เอกสารซึ่งเคยใช้เป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีที่โตเกียวหลังสงครามยุติ
จากข้อมูลของเอกสารหมายเลข 3113 อุเมะสึ โยชิจิโระ นายพลท่านหนึ่งของกองทัพญี่ปุ่น ออกคำสั่งให้แพทย์ของกองทัพ และเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว หน่วย 731 จึงส่งทหาร 30 นายไปรับอุปกรณ์มายังค่ายกักกันในเสิ่นหยางเพื่อทำการทดลองเชื้อโรคโรคบิด
นิชิซาโตะยังได้พบอดีตเชลยศึกชาวอเมริกันนามว่าแฟรงก์ เจมส์ ซึ่งบอกกับเธอว่า เขาและเชลยศึกคนอื่นๆ ต้องช่วยกันขนย้ายศพของเชลยศึกที่เสียชีวิตมายังโต๊ะชันสูตร แพทย์ญี่ปุ่นจะเริ่มด้วยการผ่าเปิดหน้าอก แล้วผ่ากะโหลกศีรษะ จากนั้นแพทย์จะเก็บตัวอย่างสมองและเอาอวัยวะภายในออกมา
“หลักฐานบ่งชี้ว่า กองทัพญี่ปุ่นไม่ได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยการปฏิบัติต่อเชลยศึก (Geneva Convention relative to the Treatment of Prisoners of War)” นิชิซาโตะกล่าว
หวังเถี่ยจวิน ผู้แปลหนังสือเล่มนี้เป็นภาษาจีน และเป็นรองผู้อำนวยการศูนย์ญี่ปุ่นศึกษา มหาวิทยาลัยเหลียวหนิง เน้นย้ำว่าหนังสือเล่มนี้ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกของเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งยังมีเอกสารและรูปถ่ายจำนวนมากที่ได้รับการเผยแพร่เป็นครั้งแรก หนังสือฉบับภาษาอังกฤษก็กำลังจะตีพิมพ์ในเร็วๆ นี้
ก่อนหน้านี้นิชิซาโตะเคยร่วมการผลิตสารคดีเกี่ยวกับหน่วย 731 ของช่องบีบีซี “ฉันค้นคว้าประวัติศาสตร์ที่แท้จริงด้วยวิธีการทางวิชาการ” เธอกล่าว “เชลยศึกส่วนใหญ่เสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้นสารคดีจึงมีคุณค่าอย่างยิ่ง"
“ประวัติศาสตร์ควรได้รับการอนุรักษ์ เพื่อให้ชนรุ่นหลังของเราได้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต และสำนึกในความโหดร้ายของสงคราม” เธอกล่าว
เมื่อเดือนที่แล้ว สารคดีที่จัดฉายโดยช่องเอ็นเอชเคของญี่ปุ่นทำให้เกิดการถกเถียงอย่างร้อนแรงในสังคมญี่ปุ่น และมีการเรียกร้องให้มีการสำนึกต่อประวัติศาสตร์สงคราม
ในประเทศญี่ปุ่น น้อยมากที่จะมีการกล่าวถึงเรื่องหน่วย 731 บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐก็พยายามจะปกปิดและปฏิเสธประวัติศาสตร์ส่วนดังกล่าว
“นักการเมืองญี่ปุ่นไม่ได้ตระหนักถึงทัศนคติของประชาคมนานาชาติที่มีต่อญี่ปุ่นนัก” ชินิซาโตะกล่าว “ฉันจะห่วงอนาคตของญี่ปุ่นมากหากนี่เป็นความคิดกระแสหลักของเจ้าหน้าที่รัฐบาล ถ้าหากว่าหนังสือของฉันจะช่วยเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้บ้าง ฉันจะรู้สึกเป็นเกียรติมาก”
The Rhythm of China.
15.09.2017
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น